เกาะพะงัน -รวบแล้วหนุ่มช่างร้านสักโชว์กร่าง ถือปืนลูกซองยาวเดินหาเรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตำรวจพร้อมฝ่ายปกครองเข้าจับกุมได้พร้อมอาวุธปืนของกลางส่งดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 1 มกราคม ตามที่มีคลิปวิดีโอได้ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ว่ามีบุคคลชายชาวไทยได้ใช้ปืนลูกซอง ข่มขู่ชาวต่างชาติ ภายในซอยกรุงไทย บ้านท้องศาลา ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ส่งผลทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อการท่องเที่ยวเกาะพะงัน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.56 น. คืน เคานต์ดาวน์ปีใหม่

หลังเกิดเหตุ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี สั่งการให้ พ.ต.ต.เจริญชัย บุญเกลี้ยง สว.กก.สืบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกับ สภ.เกาะพะงัน นำโดย พ.ต.ท.ชัยยุทธ์ คงแก้ว รอง ผกก.ป.สภ.เกาะพะงัน, พ.ต.ท.เศรษฐกาญจน์ เชาวลิต รอง ผกก.สส.สภ.เกาะพะงัน และฝ่ายปกครองอำเภอเกาะพะงัน นำโดย นายอัครพล พูลผล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง  ได้ออกสืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำความผิดและได้ทำการจับกุม นายเด่นชัย หรือเด่น อายุ 49 ปี ชาว จ.พัทลุง เป็นเจ้าของร้านสักบนเกาะพะงันใกล้ที่เกิดเหตุ

และ เวลาประมาณ 17.30 น.  วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปค้นที่บ้านพัก  ม.1 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมกับตรวจยึดของกลาง อาวุธปืนลูกซองยาว สีดำ ยี่ห้อ Remington M887 NITROMAG  1 กระบอก (ไม่มีพานท้าย)  พานท้ายปืนลูกซอง สีดำ ยี่ห้อ Remington 1 อัน เครื่องกระสุนปืนลูกซอง 4 นัดและ เครื่องกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 อีก 14 นัด จึงได้ตรวจยึดพร้อมนำหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน

โดยต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพะงัน ได้แจ้งข้อกล่าวหา ว่า พยายามฆ่าผู้อื่นโดนเจตนา,พาอาวุธปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นอันสมควนแก่พฤติการณ์ ,ยิงปืนในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรแก่พฤติการณ์.

นนทบุรี เพลิงไหม้บ้านต้อนรับปีใหม่ วอด 3 หลัง คาดสาเหตุมาจากจุดพลุ

     เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 1 ม.ค. 68 พ.ต.อ.สมชาย แจ้งธรรมมา ผกก.สภ.บางศรีเมือง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางศรีเมือง ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน บริเวณชุมชนหลังวัดประชารังสรรค์ ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี จึงพร้อมรถน้ำจากงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลตำบลเสาธงหิน , หน่วยดับเพลิงมูลนิธิสยามนนทบุรี และหน่วยงานอื่นๆใกล้เคียง รวม 8 คัน ระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดแสงเพลิงไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลากว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

     ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ภายในชุมชนดังกล่าว พบเป็นชุมชนที่อยู่ภายในซอย รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ เบื้องต้นทราบว่าต้นเพลิงไหม้มาจากบ้านหลังแรก และลุกลามไปยังบ้านใกล้เคียง วอดทั้งหมด 3 หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลาม เหลือเพียงกลุ่มควันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำเลี้ยงอยู่ เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้

     นายเอ (นามสมมุติ) ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงประมาณเที่ยงคืน เป็นเสียงเหมือนระเบิด หลังจากนั้นมีไฟไหม้ขึ้น ตนจึงรีบเข้ามาดูพบว่าไฟไหม้บ้านไปแล้ว 3 หลัง ดับไม่ได้ ตนจึงรีบเรียกรถดับเพลิงให้เข้ามาตรวจสอบ แต่ไม่ทันไหม้เกินไป 4 หลังแล้ว คาดว่าอาจจะเกิดจากการจุดพลุ เพราะไฟไหม้หลังเคาท์ดาวน์พอดี หลังจากเสียงพลุดังขึ้น

     น.ส.ชุติกาจน์ เอี่ยมแจ๋ อายุ 61 ปี เจ้าของบ้านหลังที่ 3 กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนนอนประมาณ 4 ทุ่ม นอนอยู่กับลูก หลังจากนั้นได้ยินเสียงเป็นเสียงพลุ และลูกเดินมาบอกว่าไฟไหม้ ตนจึงรีบวิ่งและไปปลุกแฟนให้ออกมาจากบ้าน เพราะมีคนในบ้านประมาณ 5 คน ปลอดภัยทั้งหมด ตอนนี้ที่บ้านเสียหายหมดแล้ว เหลือแต่ตอไม้ ตนไม่กล้าเข้าไปดูที่บ้านเพราะกลัว ขาสั่นเดินไม่ออก ตอนนี้ยังไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ อยากให้มีคนเข้ามาช่วยเหลือ เพราะไฟไหม้บ้านไปหมดแล้ว ส่วนบ้านอีก 2 หลัง เป็นบ้านเช่าไม่มีใครอยู่ ตนคาดว่าสาเหตุเกิดจากการจุดพลุเพราะได้ยินเสียงพลุก่อนเพลิงไหม้

นนทบุรี ไฟไหม้โกดังรีไซเคิลขนาดใหญ่วอดทั้งหลัง

     เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 1 ม.ค. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ไทรน้อย ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านโกดังรีไซเคิลขนาดใหญ่ ต.ราษฎร์นิยม อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และรถน้ำจากเทศบาลตำบลบางบัวทอง งานป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยเทศบาลเมืองพิมลราช และ รถน้ำองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเพรางาย จำนวน 10 คัน ระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดแสงเพลิงไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

     ที่เกิดเหตุเป็นลักษณะบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่กว่า 3 ไร่ มีลานกว้างบริเวณรอบๆ ซึ่งเป็นโกดังรีไซเคิลขนาดใหญ่ ที่มีไว้คัดแยกขยะ ส่วนใหญ่เป็นขยะประเภทขวดพลาสติก และขยะอื่นๆ พบว่าตัวบ้านและโกดังด้านข้างถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด รวมถึงไหม้กองขยะด้านนอกบางส่วน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลาม เหลือเพียงกลุ่มควันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำเลี้ยงอยู่ เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้

     ป้าเบียบ 64 ปี และพี่ดอน อายุ 39 ปี สองแม่ลูกที่เห็นเหตุการณ์/ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนกับลูกรู้จักเจ้าของโกดัง เขาจะคอยจ้างให้ตนมาตัดหญ้ารอบๆโกดัง ซึ่งวันนี้เจ้าของโกดังไม่อยู่ไปต่างจังหวัด ปกติจะมีคนงานเฝ้าแต่เขาพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ลูกชายตนเห็นควันไฟจากโกดังจึงเรียกตนให้มาช่วยดู พอมาถึงเจอไฟไหม้อยู่ข้างๆโกดังก่อนจะลุกลามเป็นวงกว้าง จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้ามาช่วยเหลือ

     จากการสอบถาม นายกิติศักดิ์ พวงบุปผา ประธานชมรมอาสาสมัครบรรเทาภัยเฉพาะกิจ กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โรงงานซึ่งตอนแรกยังไม่ทราบว่าเป็นโรงงานอะไร เมื่อมาถึงพบว่าเป็นโกดังรีไซเคิลสำหรับคัดแยกขยะ บริเวณด้านในถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมดและกำลังลุกลามมาด้านนอก เจ้าหน้าที่จึงช่วยระดมน้ำเพื่อสกัดเพลิง ขณะนั้นลมแรงมาก ความเสียหาย 100% ในส่วนของโกดังและบ้านที่เป็นโซนออฟฟิศ ส่วนลานด้านนอกสามารถสกัดกั้นไว้ได้ ที่ถูกเพลิงไหม้ส่วนใหญ่จะเป็นขวดพลาสติกล้วนใช้เวลาควบคุมเพลิงประมาณ 30 นาที แต่เนื่องด้วยเชื้อเพลิงเป็นพลาสติก เวลาโดนน้ำจะแข็งตัว การดับถ่านต้องใช้การคุ้ยเขี่ยซึ่งใช้เวลานาน ตัวที่เห็นด้านหลังเป็นออฟฟิศ 2 ชั้น ส่วนด้านนอกเป็นชั้นเดียวไว้สำหรับเก็บวัสดุ เบื้องต้นคาดเดายากมากว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เพราะมาถึงเพลิงลุกไหม้เต็มพื้นที่หมดแล้ว อยากฝากถึงประชาชนช่วงนี้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อย 3 สาเหตุหลักของเพลิงไหม้ คือ 1.เรื่องของไฟฟ้าลัดวงจร ต้องดูเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อออกจากบ้าน สับคัทเอาท์ลง 2.เรื่องของการอุ่นอาหารทิ้งไว้ นี่ก็เป็นสาเหตุ 3.การจุดธูปจุดเทียนหรือก่อไฟโดยไม่ระมัดระวัง ต้องดูแลให้ดี

ชุมพร – นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่ายาง  สูญเสีย หลานสาวและเหลนฝาแฝด พร้อมหลานเขย ทั้งสี่คน

วันที่ 2 มกราคม 2568 เวลา 18.00 น ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่วัดท่ายางเหนือ   อยู่ที่ 41 ถนนชุมพร – ปากน้ำ ตำบลท่ายาง อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร   ญาติเฝ้ารอรับร่างผู้เสียชีวิตอุบัติเหตุทางรถกระบะ เสียหลักชนต้นไม้ล่องกลางถนน  ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ฯ 7 ศพ  อายุน้อยสุด เด็กแฝด 2 ขวบ  อายุมากสุด คนชรา 72 ปี  โดยกลับมาทำพิธีทางศาสนาที่วัด ท่ายางเหนือ นางประภาวาดี  ศิลาทอง อายุ – ปี (แม่เด็ก)  เด็กชายกิตตเมฆ  ศิลาทอง  อายุ 2 ปี  เด็กชายกิตตมุก  ศิลาทอง  อายุ 2 ปีสามคนแม่ลูกแฝด   ส่วนศพของ . นางนิตยา  เกิดชาตรี อายุ 70 ปี ที่อยู่ 30 ม.2 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร   นางศรีสุนันท์  พินันชัย  อายุ 72 ปี ที่อยู่ 77 ม.3 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร  นายชูชีพ  ใจเที่ยงธรรม  อายุ 21 ปี (คนขับ นายศุภชัย  บุญทัน  อายุ 25 ปี  4 ราย ญาตินำไปตั้งสวดอภิธรรมศพที่วัดดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร

         จากกรณี เกิดอุบัติเหตุสลด รถกะบะชน พุ่งชนต้นไม้ บริเวณถนนสาย 41 หน้าขนส่งไชยา ขาล่องใต้ กม.124 + 500 หมู่ที่ 4 ต.ป่าเว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เช้าวันนี้ 2 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 07.11 น.เบื้องต้นถามผู้รอดชีวิต ทราบว่าทั้งหมดเป็นญาติกัน เดินทางออกจาก อ.ปะทิว จ.ชุมพร จะไป จ.นครศรีธรรมราช   รวม 7 คน โดยผู้รอดชีวิตนั่งอยู่ในกระบะท้ายรถ เมื่อถึงจุดเกิดจู่รถก็เสียการทรงตัว และเสียหลักจะไปชนรถตู้ที่จอดรับนักเรียนอยู่ริมถนน  คนขับจึงได้ตัดสินใจหมุนพวงมาลัยเพื่อหลบรถตู้ ก่อนพุ่งชนต้นไม้ดังกล่าว.

        นายสิธิชัย สร้อยสังวาล กู้ชีพกู้ภัย สายชลชุมพร  เล่าว่าเมื่อเช้าได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชา มีเคสผู้เสียชีวิต  7 ราย มีคำสั่งให้รถของสายชล กำหนดหกคัน ไปรับร่างผู้เสียชีวิตกับภูมิลำเนาที่จังหวัดชุมพร ออกจากที่ตั้งสายชลประมาณ 11:00 น. หลังจากนั้นไปถึงกุศลศรัทธา ศพก็ไปถึงมูลนิธิพอดี ทางทีมให้การช่วยเหลือก็คือทำการอาบน้ำศพ แต่งตัวศพ ให้กับผู้เสียชีวิต ทั้งเจ็ดราย โดยใส่เสื้อผ้าให้ จนเสร็จและรอญาติไปติดต่อ รับกลับมา เราได้ออกจากมูลนิธิกุศลศรัทธาประมาณ 16:00 น. มาเชิญวิญญาณ ณ จุดเกิดเหตุ จึงได้นำศพเคลื่อนย้ายกลับมาที่ จังหวัดชุมพร เดินทางมาถึง  เวลา 19.00 น. โดยนำร่างทั้งสามของแม่ลูกไว้ที่วัดท่ายาง เหนือส่วนที่เหลือแยกไปบำเพ็ญกุศลที่วัด ดอนยางอำเภอปะทิวจังหวัดชุมพรอีกสี่รายเพื่อ ให้ญาติ ทำพิธี บำเพ็ญกุศลตาม ศาสนาต่อไป

       นายอำพัน มากอำไพ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่ายาง  วันนี้ได้ไปรับศพทั้ง 7 ศพที่ไปเกิดอุบัติเหตุที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี   ส่วนหลานเขยกำลังจะบวชก็เลย พาญาติของหลานเขย ไปสวัสดีปีใหม่ กับญาติญาติ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อจะสวัสดีปีใหม่ และขอลาบวชแต่ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อนส่วนในการบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้หลานเขยคนนี้เพิ่งอยู่กับหลานได้หนึ่งปีจึงได้แยก ไปทำพิธีทางศาสนากับญาติของเค้าที่วัดดอนยาง อำเภอปะทิว  จังหวัดชุมพร ส่วนแม่ลูก ฝาแฝดที่เป็นหลานและเหลนได้แยกมาทำที่วัดท่ายางเหนือ   ฝาแฝดเป็นลูกติดแม่  ในวันนี้ รู้สึกเสียใจในการสูญเสียในครั้งนี้เพราะเด็กเด็กเป็นที่รักของญาติญาติ มาก และจะทำพิธีทางศาสนาบำเพ็ญกุศลกับแม่ที่วัดพร้อมกัน

ธนากร โกศลเมธี รายงาน  

ชาวเพชรรบูรณ์สวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2568

วันที่ 31 ธันวาคม 2567 เวลา 22.00 น. ที่วัดมหาธาตุ พระอารามหลวง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ นายศรัณยู  มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์  เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2568 โดยได้รับพระเดชพระคุณพระราชพัชรธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นางรุ่งระวี มีทองคำ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์  นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นางสาวอัจฉรา ปั้นมูล ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ นายธีระชัย  มังกรทอง ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์   หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล แกชีวิตและครอบครัว

       โดยพิธีเริ่มจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย  สักการะหน้าพระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก   และ เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล ประธานสงฆ์ให้ศีล   เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร   พระสงฆ์นำเจริญพระพุทธมนต์   ประธานสงฆ์นำเจริญจิตตภาวนา  

        จากนั้นเวลา 24.00 น.  ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ลั่นฆ้องชัย พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา พระราชพัชรธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวอำนวยพรปีใหม่  ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ อัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์ประทานสมเด็จพระสังฆราช ถวายแด่พระราชพัชรธรรมเมธี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ประคองผ้าไตรจีวร   เจ้าหน้าที่นำกล่าวคำถวายผ้าป่า  ประธานในพิธีทอดผ้าไตรที่ต้นผ้าป่า   ประธานสงฆ์พิจารณาผ้าป่า และ ถวายไทยธรรมแด่ประธานสงฆ์   พระสงฆ์อนุโมทนา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ประธานในพิธีกรวดน้ำ รับพร และ กราบลาพระรัตนตรัย  จากนั้นพระราชพัชรธรรมเมธี ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ประทานสมเด็จพระสังฆราชให้แก่ผู้ร่วมพิธี เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2568

เพชรบูรณ์ เริ่มแล้วงานปีใหม่ม้งเข็กน้อย วัฒธรรมประเพณีวิถีชุมชนม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

                ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เปิดงานปีใหม่ม้งตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ชวนนักท่องเที่ยวสัมผัสวัฒธรรมประเพณีวิถีชุมชนม้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

                วันที่ 1 มกราคม 2568 ที่บริเวณลานเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานเปิดงาน สืบสานงานประเพณีปีใหม่ม้ง ประจำปี 2568 โดยมี นายนพรุจ หิรัญวิริยะกุล กำนันตำบลเข็กน้อย ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลเข็กน้อย กล่าวรายงาน  พร้อมด้วย  นางรุ่งระวี  มีทองคำ  นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบูรณ์  นายสมพงษ์ หอมสนิท ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์  นายอำเภอเขาค้อ  หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการองค์การบริหารส่วนตำบลเข็กน้อย สภาวัฒนธรรมตำบลเข็กน้อย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ประชาชน นักท่องเที่ยว และชาวไทยภูเขาเผ่าม้งในจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมงาน

                นายนพรุจ หิรัญวิริยะกุล  กำนันตำบลเข็กน้อย ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลเข็กน้อย  กล่าวว่าประเพณีขึ้นปีใหม่หรือประเพณีฉลองปีใหม่ เป็นงานรื่นเริงของชาวม้งที่จัดขึ้นทุก ๆ ปี โดยจะจัดหลังจากได้เก็บเกี่ยวผลผลิตในรอบปี เป็นการฉลองถึงความสำเร็จในการเพาะปลูกของแต่ละปี ซึ่งจะต้องทำพิธีบูชาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิที่ตนนับถือ ที่ให้ความคุ้มครอง และดูแลความสุขสำราญตลอดทั้งปี รวมถึงผลผลิตที่ได้ ในรอบปีด้วย แต่ละหมู่บ้านจะทำการฉลองกันอย่างพร้อมเพรียงกัน หรือตามวัน และเวลาที่สะดวก ของแต่ละหมู่บ้าน โดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ในวันดังกล่าวหัวหน้าครัวเรือนของแต่ละบ้านจะประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคลของครัวเรือน ถัดจากวันส่งท้ายปีเก่าไป 3 วัน คือ วันขึ้น 1 ค่ำ  2 ค่ำ และ 3 ค่ำของเดือนหนึ่ง จัดเป็นวันฉลองปีใหม่อย่างเป็นทางการ ทุกคนจะหยุดหน้าที่การงานทุกอย่างในช่วงวันดังกล่าว และจะมีการจัดกิจกรรมการละเล่นต่าง ๆ ขึ้นในงานปีใหม่ เช่น การละเล่นลูกช่วง การตีลูกข่าง การร้องเพลงม้ง การเล่นกีฬาพื้นบ้าน การแต่งกายด้วยชุดม้งที่สวยงาม ที่เป็นอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ของชนเผ่าชาติพันธ์ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาเฉพาะท้องถิ่น ตำบลเข็กน้อย

                งานปีใหม่ม้ง ของตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2568  จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่  7 มกราคม 2568 ณ.บริเวณลานเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชน ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ส่วนราชการภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน ได้มีส่วนร่วม สืบสานและอนุรักษ์ศิลปะประเพณีปีใหม่ม้งวัฒนธรรมอันดีงามของชาวม้ง ให้คงอยู่สืบไป เพื่อปลูกฝังให้เด็ก เยาวชน ประชาชน ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น มีส่วนร่วมเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชนเผ่า เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน ผู้นำชุมชนมีส่วนร่วมจัดกิจกรรมในชุมชน สร้างความสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ในพื้นที่ เพื่อเป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาวม้ง ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว และส่งเสริมนักท่องเที่ยวให้มีความสุข สนุกรื่นเริงในช่วงเทศกาลปีใหม่ และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ม้งตำบลเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

รถทัวร์เสียหลักลงร่องน้ำกลางถนนชนกับต้นไม้เบื้องต้นผู้โดยสารเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ หลายรายราย เจ้าหน้าที่เร่งนำส่งโรงพยาบาลไชยา และโรงพยาบาลใกล้เคียง

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภูธรจังหวัดสุราษฎร์ สภ.ไชยา เจ้าหน้าที่ ปภ. และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบบริเวณร่องกลางถนนถนนสายเอเซีย 41 ใกล้แยกป่าเว (ขาขึ้น) หมู่ที่ 1 ต.ป่าเว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 1 ม.ค.68  หลังเกิดเหตุรถทัวร์พลิกตกร่องกลางถนนไปชนกับต้นไม้ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

ที่เกิดเหตุบริเวณร่องน้ำกลางถนนพบรถทัวร์โดยสารเช่าเหมา หจก.สัจวัฒน์ทัวร์ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียน 30-1097 กทม. สายเบตง-กทม. เสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ อยู่ในสภาพตะแคงทางขาว เบื้องต้นในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตเบื้องต้นจำนวน 8 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 30 ราย เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือนำส่ง รักษาตัว รพ.ไชยา และ รพ.ใกล้เคียง และตรวจสอบรายชื่อและจำนวนให้ชัดเจน

ด้านนายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบ ได้สั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บเป็นการเร่งด่วน พร้อมหาที่พักพิงชั่วคราวให้กับผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อย และไม่บาดเจ็บ พร้อมสอบสวบเหตุจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่สามารถให้การได้ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ครบถ้วน

โดยเบื้องต้นทราบว่าเป็นรถเช่าเหมาจากสมุทรสาครมาท่องเที่ยวที่ยะลากำลังจะกลับพื้นที่สมุทรสาคร ตรงจุดเกิดเหตุมีร่องรอยจุดตกถนนก่อนชนต้นไม้ประมาณ 50 เมตร ส่วนสาเหตุอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบที่เกิดเหตุของทางเจ้าหน้าที่ต่อไป

แขวงทางหลวงพิจิตรคาดวันนี้รถจากภาคเหนือ4หมื่นคันมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ

วันที่ 1 มกราคม  2568 นายธนู ทาแจ่ม รอง ผอ.แขวงทางหลวงพิจิตร (ฝ่ายบริหาร) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่บริการประชาชนที่จุดพักรถบริเวณตลาดวชิรบารมี ริมทางหลวงหมายเลข 117 เส้นทางพิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ ให้ข้อมูลว่าในช่วงระหว่างวันที่ 27-30 ธันวาคม 2567 มีนักท่องเที่ยวและนักเดินทางใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 117 เพื่อขึ้นสู่ภาคเหนือและผ่านบริเวณสี่แยกปลวกสูง อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ในวันที่ 27 ธ.ค. 67 มีจำนวน 30,134 คัน , วันที่ 28 ธ.ค. 67 มีจำนวน 45,285คัน , วันที่ 29 ธ.ค. 67 มีจำนวน 30,475คัน , วันที่ 30 ธ.ค. 67 มีจำนวน 17,870 คัน รวม 123,764 คัน

สำหรับบรรยากาศการดินทางกลับเข้าสู่วันทำงาน รถจากภาคเหนือที่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ ที่ต้องผ่านสี่แยกปลวกสูงจังหวัดพิจิตร เส้นทางหลวงหมายเลข 117 เฉพาะในวันที่ 1 ม.ค. 68 แขวงทางหลวงพิจิตร ซึ่งมีระบบกล้องวงจรปิดและระบบ AI ที่ใช้ในการตรวจนับรถพบว่าตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงเย็นของวันนี้ (15.00 น.) พบว่ามีรถมุ่งหน้าล่องเข้าสู่กรุงเทพแล้ว 14,898 คัน และคาดว่าตลอดทั้งคืนนี้ก็จะมีรถมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอาจจะถึง 40,000 คัน สำหรับการจราจร ยังคงลื่นไหลไปได้อย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของมาตรการกวดขันวินัยจราจร พ.ต.อ. อนุกูล ดาวลอย รอง ผบก.ภ.จว.พิจิตร  รักษาราชการแทน.ผกก.สภ.เมืองพิจิตร ก็ได้ให้ข้อมูลว่าในช่วงวันที่ 27-31 ธ.ค. 67 ตำรวจพิจิตรทั้ง 12 อำเภอ ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์พบว่ามีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายเมาแล้วขับถูกจับกุมเพื่อดำเนินคดีแล้วจำนวน 134 ราย ส่วนอุบัติเหตุสะสมเกิดขึ้นแล้ว 3 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 2 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย อีกด้วย

มุกดาหาร ตม. ออกตรวจเยี่ยมและสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจบริการ

มุกดาหาร – ตม.จว.มุกดาหาร ออกตรวจเยี่ยมและสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจบริการประชาชน เทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568

วันที่ 1 มกราคม 2568  เวลาประมาณ 09.00 น.  ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ภายใต้อำนวยการสั่งการของ  พ.ต.อ.พิทักษ์พงษ์  เจริญกุล  ผกก.ตม.จว.มุกดาหาร  นำโดย พ.ต.ท.ธนูศิลป์ ดวงแก้วงาม รอง ผกก.ตม.จว.มุกดาหาร และ พ.ต.ท.พิชิต มัครมย์ สว.ตม.จว.มุกดาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ตม.จว.มุกดาหาร

ได้ออกตรวจเยี่ยม และมอบสิ่งของประจำจุดตรวจบริการประชาชน ในเขตพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในห้วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2568 การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

อนุศักดิ์ – เสาวภา  แสนวิเศษ  // จังหวัดมุกดาหาร