ผู้ประกอบการโอด มาตรการใหม่มาเลเซีย สกัดลักลอบเข้าเมือง กระทบหนัก ธุรกิจท่องเที่ยว-บริการสุไหงโก-ลกซบเซา วอนรัฐบาลไทย-มาเลเซีย หาทางออกร่วมกัน
สุไหงโก-ลก – มาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทย-มาเลเซีย ของทางการมาเลเซีย ที่ประกาศใช้ 1 ธันวาคม 2567 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอำเภอสุไหงโก-ลกอย่างหนัก ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการต่างโอดครวญ นักท่องเที่ยวหาย รายได้ลดฮวบ
โรงแรมเงียบเหงา นายสมโภชน์ หงษ์กิตติยานนท์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเก็นติ้ง เผยว่า มาตรการเข้มงวดของมาเลเซีย ทำให้นักท่องเที่ยวระยะสั้นหายไป ยอดเข้าพักลดลงจาก 100-200 ห้องต่อคืน เหลือเพียง 15-20 ห้องต่อคืน ด้านนายแสงทอง ปรีชาวุฒิเดช เจ้าของโรงแรมมารีน่า และโรงแรมธารา กล่าวว่า ลูกค้าที่เดินทางเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติหายไป กระทบธุรกิจโรงแรมทุกขนาด
ร้านค้าริมทางโอด นางสาวเฟาซียะห์ มะนาวี แม่ค้าร้านอาหารตามสั่ง และนางสาวนูรีซา จะมาจี แม่ค้าร้านขายน้ำ ชุมชนท่ากอไผ่ ต่างกังวลว่า มาตรการใหม่จะทำให้ลูกค้าชาวมาเลเซียหายไป รายได้ลดลงอย่างมาก
วอนรัฐบาลสองฝ่ายหาทางออก นายอภิชัย บุญจุน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ชี้ว่า มาตรการนี้กระทบรายได้ของคนหาเช้ากินค่ำ และอาจทำให้ระบบเศรษฐกิจของสุไหงโก-ลกล่มสลาย เรียกร้องให้รัฐบาลไทย-มาเลเซีย เจรจาหาทางออกร่วมกัน
แม้ด่านพรมแดนยังเปิด ปัจจุบันการเดินทางเข้า-ออก ไทย-มาเลเซีย ผ่านด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก-รันเตาปัน ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ โดยไทยยกเว้นการกรอก ตม.6 ถึง 30 เมษายน 2568 ขณะที่มาเลเซียยังคงใช้มาตรการลงทะเบียน ตม. แต่มาตรการควบคุมการลักลอบเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น สร้างความกังวลให้กับประชาชน และผู้ประกอบการในพื้นที่
ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาส รายงาน